8 เทคนิค ‘สร้างแบรนด์’ บนของพรีเมียม ให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น

เทคนิคสร้างแบรนด์บนของพรีเมียม

ก่อนที่คุณจะสั่งผลิตของขวัญหรือสินค้าพรีเมี่ยมสำหรับองค์กร สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ “เทคนิคการสร้างแบรนด์” เพราะนอกจากจะช่วยให้แบรนด์ดูโดดเด่นและจดจำง่ายแล้ว ยังช่วยสะท้อนบุคลิกของแบรนด์คุณออกมาได้อย่างชัดเจน

วันนี้ ZENITH ได้รวบรวม 8 เทคนิคการสร้างแบรนด์ที่นิยมใช้ในงานพรีเมียม พร้อมคำแนะนำว่าเทคนิคไหนเหมาะกับวัสดุอะไร สามารถสร้างอารมณ์ความรู้สึกแบบใดได้บ้าง เพื่อให้คุณเลือกเทคนิคได้ตรงกับสิ่งที่อยากสื่อสารออกไปได้มากที่สุด

 

เทคนิคการปั๊มจม (Debossing)

 

  1. เทคนิคการปั๊มจม (Debossing) คือการกดแม่พิมพ์ลงบนพื้นผิววัสดุให้เกิดเป็นรอยลึก นิยมปั๊มลงบนวัสดุหลากหลายชนิด เช่น กระดาษสีที่มีการพิมพ์มาแล้ว กระดาษพิเศษ หรือหนังทุกประเภท
  • เหมาะกับวัสดุเนื้อนุ่มและมีความหนา เช่น หนัง PU, หนังแท้ หรือกระดาษฝ้าย โดยเฉพาะวัสดุที่มีความหนาตั้งแต่ 2–3 มม. ขึ้นไป งานที่ได้ออกมาจะเห็นร่องลึกคมชัดขึ้น
  • ผลลัพธ์งานที่ได้จะให้สัมผัสเรียบหรู ดูพรีเมียม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

 

เทคนิคการปั๊มนูน (Embossing)

 

  1. เทคนิคการปั๊มนูน (Embossing) เป็นเทคนิคที่ใช้แรงกดจากแม่พิมพ์ให้พื้นผิววัสดุนูนขึ้นตามแบบ โดยสามารถเลือกใช้แบบไม่พิมพ์สีร่วม พิมพ์ร่วมกับสี, ฟอยล์ หรือเทคนิคอื่น ๆ ได้
  • เหมาะกับวัสดุหลายชนิด เช่น หนัง PU, หนังแท้ หรือกระดาษอาร์ตการ์ดหนาตั้งแต่ 100 แกรมขึ้นไป ผลลัพธ์ที่ได้จะช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์คุณให้มีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยังมีข้อจำกัดบางอย่างคือ ไม่เหมาะกับกล่องจั่วปัง หรือวัสดุที่ต้องผ่านการหุ้ม รวมถึงใช้เวลาในกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างนานและมีต้นทุนสูงอีกด้วย
  • ผลลัพธ์งานที่ได้จะให้ความหรูหราและพรีเมียม

 

 

 

เทคนิคการปั๊มฟอยล์ (Hot Stamping Foil)

 

  1. เทคนิคการปั๊มฟอยล์ (Hot Stamping Foil) คือการใช้ความร้อนในการประทับฟอยล์ลงบนพื้นผิวงานตามแบบแม่พิมพ์ โดยสามารถเลือกใช้ฟอยล์ได้หลากหลาย ทั้งแบบเงา, ด้าน, โฮโลแกรม หรือฟอยล์สีอื่น ๆ สามารถใช้ร่วมกับเทคนิคต่าง ๆ ได้
  • เหมาะกับวัสดุหลายชนิด เช่น กระดาษ, หนัง PU, หนัง PVC หรือหนังแท้ แต่ไม่เหมาะกับวัสดุที่ลื่นจากการเคลือบพื้นผิวมากเกินไป หรือผิวขรุขระไม่เสมอกัน เนื่องจากฟอยล์อาจไม่ติด หรือให้ผลลัพธ์ไม่คมชัด
  • ผลลัพธ์งานที่ได้จะมีความเงางาม เรียบหรู มีระดับ และช่วยสร้างความน่าเชื่อถือตั้งแต่แรกเห็น

 

เทคนิคการไดคัท (Die-Cutting)

 

  1. เทคนิคการไดคัท (Die-Cutting) เป็นเทคนิคที่ใช้ในการตัดกระดาษหรือวัสดุอื่น ๆ ให้ออกมาในรูปทรงที่หลากหลายสร้างสรรค์รูปทรงที่มีเอกลักษณ์และโดดเด่นได้ หรือแม้แต่ลวดลายเฉพาะต่าง ๆ
  • นิยมใช้ทั้งในงานกล่องกระดาษเพื่อนำมาขึ้นรูปบรรจุภัณฑ์ สติ๊กเกอร์ หรือปฏิทิน โดยเทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มมิติและความน่าสนใจให้กับงานพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผลลัพธ์งานที่ได้มีเอกลักษณ์และสร้างสรรค์

 

เทคนิคการเคลือบสปอตยูวี (Spot Ultraviolet Coating)

 

  1. เทคนิคการเคลือบสปอตยูวี (Spot Ultraviolet Coating) เป็นการเคลือบสารยูวีเฉพาะจุดบนพื้นผิววัสดุ เพื่อเน้นให้บริเวณที่เคลือบมีความเงางาม แตกต่างจากพื้นผิวบริเวณอื่น
  • สามารถใช้ได้กับกระดาษทั้งหนาและบาง แต่ไม่เหมาะกับงานพิมพ์ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง หรืองานที่ต้องพับ เพราะอาจทำให้งานเกิดรอยย่นได้
  • ผลลัพธ์งานที่ได้ให้ความรู้สึกโดดเด่น พรีเมียม และน่าสนใจ

 

เทคนิคการพิมพ์ด้วยเลเซอร์หรือการพิมพ์แบบดิจิทัล (Laser Digital Printing/ Digital Printing)

 

  1. เทคนิคการพิมพ์ด้วยเลเซอร์ หรือ การพิมพ์แบบดิจิทัล (Laser Digital Printing/ Digital Printing) เป็นการพิมพ์ด้วยแสงเลเซอร์บนวัสดุผิวเรียบที่ทนต่อความร้อน เช่น หนัง PU, กระดาษอาร์ตสองหน้า หรือหน้าเดียว ทำให้ภาพพิมพ์คมชัด สีสันสดใส และทนต่อรอยขีดข่วน
  • เหมาะกับงานพิมพ์จำนวนน้อย ต้องการความเร็ว หรืองานใช้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เช่น สายคาดสมุด, การ์ดนามบัตร หรือกล่องขนาดเล็ก โดยรองรับขนาดใหญ่สุด A0 สำหรับกระดาษบางกว่า 100 แกรม และไม่เกิน A3 สำหรับกระดาษหนาไม่เกิน 300 แกรม กรณีพิมพ์สีทึบอาจมีจุดเล็ก ๆ ปรากฏบนงานพิมพ์ เนื่องจากใช้หมึกชนิดผงแห้ง
  • ผลลัพธ์งานพิมพ์ที่ได้ให้ความรู้สึก เรียบง่าย สะอาดตา สีสันสดใส

 

เทคนิคการพิมพ์ออฟเซต (Offset Printing)

 

  1. เทคนิคการพิมพ์ออฟเซต (Offset Printing) เป็นรูปแบบการพิมพ์โดยเครื่องจักรขนาดใหญ่ มีการจัดเตรียมแม่พิมพ์ก่อนเริ่มกระบวนการพิมพ์ สามารถพิมพ์แบบระบุ CMYK หรือสีเฉพาะตามแพนโทน (Pantone) ได้ พิมพ์ได้ดีกับกระดาษเกือบทุกประเภทและหลากหลายความหนา
  • เหมาะกับงานพิมพ์จำนวนมาก 500-1,000 ชิ้นขึ้นไป หน้ากระดาษใหญ่ได้ถึง A0 มีราคาต่อชิ้นค่อนข้างถูก และถูกยิ่งขึ้นเมื่อพิมพ์ในปริมาณที่มากขึ้น หมึกพิมพ์เป็นเบสน้ำ ทำให้งานพิมพ์ที่ออกมาเรียบร้อย ไม่มีจุด จึงเหมาะสำหรับงานกล่องบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด, ปกสมุด, งานพิมพ์บนสินค้าประเภทกระดาษ หรืองานที่มีอายุอยู่กับแบรนด์ค่อนข้างยาว
  • ผลลัพธ์งานพิมพ์ที่ได้ให้ความรู้สึกมืออาชีพ คมชัด เรียบร้อย

 

เทคนิคการพิมพ์ยูวี (UV Digital Printing)

 

  1. เทคนิคการพิมพ์ยูวี (UV Digital Printing) เป็นการพิมพ์ลงบนพื้นผิววัสดุโดยตรง พร้อมใช้แสง UV ทำให้หมึกแห้งทันที งานพิมพ์ที่ได้จึงมีสีสันคมชัด สามารถพิมพ์ได้ไม่จำกัดสี โดยมี 3 วิธีหลัก ได้แก่ การพิมพ์ยูวีม้วนต่อม้วน (UV Roll-to-Roll Print) สำหรับผ้าม้วนและวัสดุแบนจำนวนมาก ไม่รองรับวัสดุแข็ง, การพิมพ์ยูวีแบบแฟลตเบด (UV Flatbed printing) เหมาะกับวัสดุที่มีความหนาแต่ไม่โค้ง ไม่มีขั้นต่ำในการพิมพ์ และการพิมพ์ยูวีดีทีเอฟ (UV DTF/ UV Direct to Film) เหมาะกับงานพื้นผิวโค้ง โดยใช้ระบบหมุนพิมพ์พร้อมมือจับ แต่ไม่สามารถพิมพ์เต็มรอบได้ เนื่องจากมีช่องว่างที่เป็นข้อจำกัดของเครื่อง
  • เหมาะกับวัสดุหลากหลาย เช่น หนัง PU, กระดาษ หรือวัสดุผิวเรียบอื่น ๆ งานพิมพ์ที่ออกมาจะมีผิวนูนเงา เพิ่มมิติและความสวยงาม
  • ผลลัพธ์งานพิมพ์ที่ได้ให้ความรู้สึกทันสมัย พรีเมียม ดึงดูดสายตา

เทคนิคการผลิตที่ “ใช่” สื่อสารแบรนด์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
เพราะงานพรีเมียมไม่ได้แค่ใส่โลโก้ลงไป แต่คือการส่งต่ออารมณ์ ความรู้สึก และตัวตนของแบรนด์ Zenith พร้อมเป็นที่ปรึกษาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกเทคนิค วัสดุ ไปจนถึงการออกแบบและผลิตของขวัญพรีเมียมที่สะท้อนภาพลักษณ์องค์กรได้อย่างมืออาชีพ

สนใจอยากผลิตสินค้าพรีเมี่ยมกับเรา

รับออกแบบและผลิต Corporate Gifts งานสมุด งานบรรจุภัณฑ์ งานกล่อง ของที่ระลึก และ Premium Stationery

คุยกับ นลิน ดำรงค์กิจการ เจ้าแม่กระดาษและนักทำสมุดวัย 60 ปี เจ้าของแบรนด์ Zequenz สมุดสัญชาติไทยที่ได้ใจคนรักสมุดทั่วโลก

คุยกับ STUDIO360 จากร้านเครื่องเขียนสู่แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผู้คน